ยอดตายเหตุ เครื่องบินตกฟิลิปปินส์ พุ่งเป็น 50 ศพ

ยอดตายเหตุ เครื่องบินตกฟิลิปปินส์ พุ่งเป็น 50 ศพ

สุดเศร้า หลังจากที่ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุ เครื่องบินตกฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้นเป็น 50 ศพ ขณะที่มีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกเพียบ เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม สำนักข่าว ชาแนลนิวส์เอเชีย รายงานว่า ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุเครื่องบินทหารตกที่จังหวัดซูลูในประเทศฟิลิปปินส์ เมื่อช่วงเวลาประมาณ 11.30 น. ของวันที่ 4 ก.ค. ที่ผ่านมาตามเวลาท้องถิ่น ขยับเพิ่มขึ้นเป็น 50 ศพ พร้อมกับมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 53 ราย

โดยในจำนวนผู้เสียชีวิตนั้นแบ่งเป็นนายทหารที่โดยสารบนเครื่องบิน 47 ศพ 

และประชาชนบนภาคพื้นดิน 3 ศพ ซึ่งผู้เสียชีวิตบนภาคพื้นดินนั้นเป็นแรงงานเหมือง ทั้งนี้ยังไม่มีการเปิดเผยชัดเจนว่านักบินรอดชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนี้หรือไม่ ด้านทางการเผยว่ายังไม่ทราบถึงสาเหตุของเหตุการณ์ครั้งนี้ ซึ่งทางการยืนยันว่าจะทำการสืบสวนทันที เมื่อภารกิจกู้ภัยและฟื้นฟูเสร็จสิ้น

ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้เครื่องบินของกองทัพฟิลิปปินส์ไม่สามารถคงระดับความสูงและตกลงมา จนเกิดไฟลุกไหม้ ซึ่งกองทัพระบุว่าพลทหารบนเครื่องกำลังเดินทางไปเข้าร่วมกับกองพันของพวกเขาเอง นอกจากนี้ยังมีรายงานอีกว่า มีนายทหารจำนวนหนึ่งตัดสินใจกระโดดลงจากเครื่อง ก่อนจะตกถึงพื้นดิน  ทั้งนี้ไม่มีการยืนยันถึงชะตากรรมของทหารที่กระโดดลงมาจากก่อนเครื่องบินจะตกสู่พื้นดิน

สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส หรือ โป๊ปฟรานซิส ประทับโรงพยาบาลเป็นครั้งแรก หลังแพทย์ถวายการผ่าตัดพระอันตะ หรือ ลำไส้ใหญ่ เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน สำนักข่าว BBC รายงานว่า สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส องค์ประมุขแห่งคริสตจักร นิกายโรมันคาทอลิก เสด็จเข้าแอดมิทที่โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยเจเมลลี โพลีคลินิก ณ กรุงโรม ประเทศอิตาลี เพื่อทรงรับการผ่าตัดพระอันตะ หรือลำไส้ใหญ่

หลังจากที่พระองค์ทรงประชวรด้วยอาการผนังลำไส้ใหญ่ตีบ ซึ่งการเสด็จเข้าแอดมิทโรงพยาบาลในครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่พระองค์ประทับโรงพยาบาล นับตั้งแต่ทรงเข้ารับตำแหน่งองค์ประมุขแห่งวาติกันเมื่อปี 2556

โฆษกสำนักวาติกันได้ออกมาแถลงหลังพระองค์ทรงเข้ารับการผ่าตัดว่า ทรงมีการตอบรับการรักษาเป็นอย่างดี และการผ่าตัดแบบวางยาสลบก็ประสบความสำเร็จด้วยดี ทั้งนี้ทางโฆษกไม่ได้เปิดเผยระยะเวลาที่พระองค์ต้องประทับในโรงพยาบาล หรือ รายละเอียดการผ่าตัดอื่นๆ

ก่อนหน้านี้สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสทรงเคยรับการผ่าตัดนำปอดออกเมื่อครั้งทรงพระเยาว์ และมีอาการปวดบริเวณเส้นประสาทที่กระดูกสันหลังเป็นครั้งคราว

นายกฯ อังกฤษ ตั้งเป้าเลิกใช้ มาตรการโควิด เร็วๆนี้

นายกฯ อังกฤษ ประกาศยกเลิก มาตรการโควิด ในวันที่ 19 ก.ค. ท่ามกลางความกังวลว่ายอดผู้ป่วยจะกลับมาพุ่งสูงขึ้นอีกครั้ง เมื่อวันที่ 6 ก.ค. สำนักข่าว BBC รายงานว่านาย บอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ได้ออกมาประกาศว่าประเทศอังกฤษจะเตรียมปลดล็อกดาวน์ในวันที่ 19 ก.ค. นี้ หลังจากที่ประเทศอังกฤษใช้มาตรการป้องโควิดนานกว่า 16 เดือน

ซึ่งหากทางการยกเลิกการใช้มาตรการโควิดจะทำให้ประชาชนสามารถจัดพิธีงานศพหรืองานแต่งงานได้โดยไม่จำกัดจำนวนผู้เข้าร่วม รวมถึงกฏเกณฑ์ต่างๆที่ใช้ในร้านอาหารจะถูกยกเลิกเช่นเดียวกัน และสถานบันเทิงกลางคืนจะสามารถกลับเปิดให้บริการเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดขึ้น

นอกจากนี้แฟนกีฬาจะสามารถกลับเข้าชมการแข่งขันในสนามได้เต็มความจุในวันที่ 19 ก.ค. เช่นเดียวกัน โดยไม่จำเป็นต้องมีการเว้นระยะห่างทางสังคมหรือสวมหน้ากากอนามัย

โดยทางการอังกฤษจะหารือถึงการยกเลิกล็อกดาวน์อีกครั้งในวันที่ 12 ก.ค. ที่จะถึงนี้ อย่างไรก็ตามผู้เชี่ยวชาญได้ออกมาเตือนว่ายอดผู้ป่วยใหม่อาจกลับมาแตะสูงถึงห้าหมื่นรายต่อวันอีกครั้ง ซึ่งนายกอังกฤษระบุถึงประเด็นนี้ว่า ถ้าหากอังกฤษไม่สามารถเดินหน้าได้ในตอนนี้ แล้วอังกฤษจะเดินหน้าได้ตอนไหน?

ขณะนี้ประเทศอังกฤษมียอดผู้ป่วยสะสมเกือบ 5 ล้านราย และเมื่อวันที่ 5 ก.ค. ที่ผ่านมาอังกฤษพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นกว่า 27,000 ราย

นักวิจัยออกมาเปิดเผยว่าวัคซีนยี่ห้อ จอห์นสันแอนด์จอห์นสัน สามารถป้องกัน โควิดเดลต้า ได้เช่นเดียวกันกับไฟเซอร์และโมเดอร์นา เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม เว็ปไซต์ NPR ได้รายงานว่า ห้องทดลองแห่งหนึ่งได้ทดลองวัคซีนจอห์นสันแอนด์จอห์นสันเพื่อตรวจสอบประสิทธิภาพของวัคซีนจอห์นสันแอนด์จอห์นสันกับโควิดกลายพันธุ์เชื้อสายต่างๆ

ซึ่งจากการทดลองพบว่าวัคซีนจอห์นสันแอนด์จอห์นสันสามารถป้องกันโควิดกลายพันธุ์ทุกชนิดรวมถึงเชื้อสายเดลต้าได้นานถึงแปดเดือน โดยนักวิทยาศาสตร์ได้เฝ้าสังเกตการณ์ปฏิกริยาของเลือดที่ได้รับวัคซีนเมื่อเผชิญหน้ากับวัคซีนเชื้อสายเดลต้า และพบว่าภูมิคุ้มกันในเม็ดเลือดสามารถป้องกันโควิดเดลต้าได้ดี

นอกจากนี้สถาบันแพทย์แห่งหนึ่งได้ทำการทดลองเพื่อหาประสิทธิภาพของวัคซีนจอห์นสันแอนด์จอห์นสันกับโควิดกลายพันธ์ุและได้ผลการทดลองในแบบเดียวกัน

เครดิต : รีวิวซีรี่ย์เกาหลี | ลายสัก | รีวิวร้านอาหาร | โทรศัพท์มือถือ ราคาถูก | เรื่องย่อหนัง