ทางเจ้าหน้ากู้ภัยสหรัฐฯ ประกาศยุติภารกิจกู้ภัยเพื่อหาผู้รอดชีวิตจากเหต ตึกถล่มไมอามี แล้ว หลังจากที่โอกาสพบผู้รอดชีวิตเป็นศูนย์ เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม สำนักข่าว BBC รายงานว่า เจ้าหน้าที่กู้ภัยในประเทศสหรัฐอเมริกาตัดสินใจยุติภารกิจตามหาและช่วยเหลือผู้รอดชีวิตจากเหตุตึกถล่มในรัฐไมอามี เป็นภารกิจฟื้นฟู
โดยขณะนี้ยอดผู้เสียชีวิตขยับเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 54 ศพ และยังมีผู้สูญหายอีก 86 ราย
ซึ่งนับตั้งแต่ทางเจ้าหน้าที่เริ่มภารกิจค้นหาผู้รอดชีวิต ทางเจ้าหน้าที่ยังไม่เคยพบผู้รอดชีวิตอยู่ในซากเลยแม้แต่รายเดียว นอกจากนี้ทางเจ้าหน้าที่ยังระบุว่าผู้เสียชีวินส่วนใหญ่ เสียชีวิตภายในเตียงนอนของตน
นาย ชาร์ล บัคเก็ต นายกเทศมนตรี ได้ให้สัมภาษณ์ว่า การตัดสินใจครั้งนี้ถือเป็นเรื่องที่ยากมาก โดยนายกเทศมนตรีระบุว่าพวกเขาทำงานหนักมาตลอดสองสัปดาห์ที่ผ่านมา และแม้ว่าโอกาสพบผู้รอดชีวิตจะเป็นศูนย์และปาฏิหาริย์เกิดขึ้นได้เสมอ
ขณะนี้ยังไม่มีการเปิดเผยสาเหตุที่ตึกสูง 12 ชั้นพังถล่มลงมา แต่ทางการได้เริ่มทำการสืบสวนหาสาเหตุของโศกนาฎกรรมครั้งนี้แล้ว ซึ่งก่อนหน้านี้ นาย ชิมอน วิโดวินสกี ศาสตรจารย์ประจำมหาวิทยาลัยนานาชาติฟลอริดา ซึ่งนาย วิโดสกี ระบุว่าจากการตรวจสอบพบว่าอาคารแห่งนี้ทรุดลงทุกๆ 2 มิลลิเมตร ตั้งแต่ช่วงปี 2536 ถึง 2542 ซึ่งศาสตรจารย์คนดังกล่าวระบุว่า อาคารทรุดอาจจะไม่ใช่สาเหตุหลัก แต่เป็นอาจเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้อาคารพังถล่มลงมา
เกิดเหตุระทึกขึ้นเมื่อ ท่าเรือดูไบระเบิด และ ทำให้เกิดเพลิงไหม้ สร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับประชาชนไกลกว่า 25 กิโล เคราะห์ดีไม่มีผู้เสียชีวิต เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม สำนักข่าว อัลจาซีร่า รายงานว่า เกิดเหตุระเบิดและเพลิงไหม้ ท่าเรือ “เจเบล อาลี” ในนครดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หรือ UAE ซึ่งเป็นหนึ่งในท่าเรือใหญ่ที่สุดของโลก
โดยแรงระเบิดได้สร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับอาคารและหน้าต่าง ซึ่งประชาชนที่อยู่ห่างออกไป 25 กิโลเมตรจากจุดเหตุสามารถสัมผัสได้ถึงแรงสั่นสะเทือนจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ เคราะห์ดีไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตจากเหตุดังกล่าว นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังสามารถควบคุมเพลิงได้แล้ว และต่อสู้กับไฟนานสองชั่วโมง
ด้านสำนักงานสารนิเทศของทางการดูไบ ระบุว่า เหตุเกิดจากการระเบิดบนเรือสินค้าซึ่งจอดเทียบท่าอยู่ที่ท่าเรือแห่งนี้ ล่าสุดเจ้าหน้าที่ดับเพลิงสามารถควบคุมเพลิงได้แล้วหลังจากเพลิงไหม้อยู่นานประมาณ 2 ชั่วโมง ตอนนี้กำลังเริ่มต้นกระบวนการลดความร้อนให้เรือที่เป็นต้นเพลิง โดยกำลังสอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
เฮ! ‘ไบเดน’ เตรียม บริจาควัคซีน ที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพให้ไทย
โจ ไบเดน ปธน.สหรัฐฯ ประกาศ บริจาควัคซีน ที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ ให้กับทั่วโลกกว่า 80 ล้านโดส ซึ่งมีไทยรวมอยู่ด้วย เว็บไซต์ของ สถานทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทย ได้โพสต์ข้อความเปิดเผยว่ารัฐบาลของนาย โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ มีแผนจะส่งมอบวัคซีนที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัยจำนวน 80 ล้านโดสให้กับทั่วโลก ซึ่งหนึ่งในนั้นมีประเทศไทยรวมอยู่ด้วย
โดยข้อความระบุว่า “ประธานาธิบดีไบเดนของสหรัฐอเมริกาประกาศแผนการส่งมอบวัคซีนโควิด-19 ที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพจำนวน 80 ล้านโดสให้กับประเทศต่าง ๆ ที่มีความจำเป็นในทั่วโลก ประเทศไทยจะได้รับวัคซีนที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพจำนวนหนึ่งจากการบริจาคดังกล่าว สหรัฐฯ บริจาควัคซีนเหล่านี้เพื่อช่วยชีวิตผู้คนและนำชาติทั้งหลายในการยุติโรคระบาดใหญ่นี้
ในแผนการบริจาควัคซีนจำนวน 80 ล้านโดสดังกล่าว สหรัฐฯ จะมอบวัคซีนกว่า 23 ล้านโดสให้กับประเทศต่าง ๆ ในเอเชีย ซึ่งจะทำให้ภูมิภาคนี้รวมถึงประเทศไทยปลอดภัย การบริจาควัคซีนเหล่านี้เป็นความช่วยเหลือนอกเหนือไปจากความช่วยเหลือมูลค่า 4,000 ล้านเหรียญที่สหรัฐฯ ได้ให้ผ่านทางโคแวกซ์ ซึ่งเป็นโครงการจัดสรรวัคซีนโควิด-19 ให้แก่นานาประเทศอย่างเท่าเทียม โดยรวมถึงวัคซีนไฟเซอร์ 500 ล้านโดสในปีที่กำลังจะมาถึง
กว่า 60 ปี สหรัฐฯ และไทยผนึกกำลังรับมือกับปัญหาสำคัญที่ส่งผลต่อการสาธารณสุข ความร่วมมือนี้เพิ่มพูนขึ้นนับตั้งแต่เกิดการระบาด โดยสหรัฐฯ ทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับภาคีชาวไทยในการเสริมสร้างความเข้มแข็งเพื่อตอบสนองต่อโรคโควิด-19 รวมถึงช่วยให้ไทยเข้าถึงอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่สำคัญได้ จนถึงปัจจุบัน รัฐบาลสหรัฐฯ ได้มอบความช่วยเหลือที่เกี่ยวข้องกับโรคโควิด-19 ให้กับไทยแล้วเป็นมูลค่ากว่า 40 ล้านเหรียญ (1,280 ล้านบาท) แผนบริจาควัคซีนครั้งนี้จะเพิ่มมูลค่าความช่วยเหลือดังกล่าวเป็นอย่างมาก
จนถึงปัจจุบัน สหรัฐฯ ได้มอบความช่วยเหลือซึ่งรวมไปถึงเครื่องช่วยหายใจ หน้ากากกรองอากาศ ชุดตรวจหาการติดเชื้อ หน้ากากอนามัย แว่นตานิรภัย และอุปกรณ์ป้องกันอื่น ๆ สำหรับแพทย์และพยาบาลชาวไทย มูลค่ารวม 28.5 ล้านเหรียญ ตลอดจนการช่วยเหลือผู้พลัดถิ่นตามแนวชายแดน นอกจากนี้ ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติ สหรัฐอเมริกา (U.S. CDC) ซึ่งมีความร่วมมือกับกระทรวงสาธารณสุขของไทยมาเป็นเวลากว่า 40 ปี ยังได้มอบความช่วยเหลือที่เกี่ยวข้องกับโรคโควิด-19 แล้วเป็นจำนวน 13 ล้านเหรียญ สหรัฐฯ แน่วแน่ต่อพันธไมตรีและความร่วมมือระหว่างเรากับไทย ตลอดจนค่านิยมแห่งเสรีภาพ สันติภาพ และความมั่งคั่งที่เราต่างยึดถือ”
เครดิต : รีวิวซีรี่ย์เกาหลี | ลายสัก | รีวิวร้านอาหาร | โทรศัพท์มือถือ ราคาถูก | เรื่องย่อหนัง